มักมีการตั้งคำถามบ่อยครั้งว่า ทำไมเด็ก เยาวชน และคนไทยเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา ปริญญาตรี ปริญญาโท หรือแม้กระทั่งปริญญาเอก ถ้ารวมระยะเวลาการเรียนภาษาอังกฤษของคนไทยถือว่าใช้เวลานานมาก บางคนนับรวมเกือบ 20 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ เกิดอะไรขึ้นกับระบบการศึกษาของประเทศไทย ทั้งๆที่ ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงเรา อย่างเวียดนามและกัมพูชาและลาวมีการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่ไปได้รวดเร็ว และเห็นผลได้ โดยไม่ต้องพูดถึง ประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่เราเทียบเขาไม่ติดมาตั้งนานแล้ว เราเห็นโรงเรียนสอนภาษาพิเศษอังกฤษผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด, เห็นโรงเรียนนานาชาติตั้งกันอย่างคึกคักถามว่าเด็กไทยพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ หลายคนมองว่าระบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษบ้านเราผิดพลาดตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ว่าคนไทยเรียนไม่เก่ง แต่เพราะสาเหตุหลักคือ เด็กไทยส่วนมากไม่ค่อยมีโอกาสได้ฝึกทักษะการเรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ ไม่ได้ฝึกการฟังและการพูด แต่เป็นการเรียนการสอนในห้องเรียนที่เน้นด้านหลักไวยากรณ์มากเกินไป และที่สำคัญคือเด็กส่วนใหญ่เรียนเพียงเพื่อให้สอบผ่านเท่านั้น โดยไม่ได้หวังที่จะต้องเรียนเพื่อนำไปใช้ในการทำงานอนาคต นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กไทยหรือคนไทยเรียนภาษาอังกฤษกันตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งทุกวันนี้ แต่การใช้ภาษาอังกฤษก็ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐานอยู่ดี มีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษหลายท่านแนะนำไว้ว่า การเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผล ’ต้องเรียนด้วยหูไม่ใช่ด้วยตา“ ดังนั้นการฟังจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องมีการปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนแม้ในสังคมแห่งความเป็นจริงยังคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่อาจจะรู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่และยังไม่พร้อมสำหรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ เพราะยังคงยึดติดอยู่กับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในรูปแบบเดิมที่ได้มีการวางกรอบไว้ตั้งแต่ยุคดั้งเดิม คือ การเรียนจากตำราหรือหนังสือเรียน
วันนี้การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดอุตรดิตถ์กำลังขับเคลื่อนโครงการดีดีเพือพัฒนาทักษะความสามารถด้านการใช้ภาษาอังกฤษให้สามารถสื่อสารได้ให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว อำนวยการสอนโดย Mr.George A. Ramos ภายใต้การกำกับดูแลของ Dr.Indranee Karatna ชื่นชมบรรยากาศสบายๆ กิจกรรมหลากหลายและผู้เรียนหลายกลุ่มวัย สมกับการเรียนตามอัธยาศัยขอเป็นกำลังใจให้ทั้งผู้เรียนและผู้สอนโดยเฉพาะเจ้าของโครงการมาในโอกาสนี้ค่ะ |