1. ความกังวลต่อความรุนแรงและการบานปลายของสถานการณ์: - สหประชาชาติ (UN): คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้จัดการประชุมฉุกเฉินเป็นการภายในเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นสูงสุด ลดความตึงเครียด และเจรจาหาทางออกอย่างสันติ UN เน้นย้ำว่าสถานการณ์ชายแดนนี้ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ แต่เป็นความขัดแย้งทวิภาคีที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจาอย่างสุจริตใจ
- ประเทศมหาอำนาจ: สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และจีน ต่างเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที และแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการปะทะกัน โดยเฉพาะผลกระทบต่อพลเรือน และการพลัดถิ่นของประชาชนจำนวนมาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับผู้นำของทั้งสองประเทศ และเรียกร้องให้หยุดยิงทันที พร้อมขู่ระงับการเจรจาการค้าหากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย
- อาเซียน (ASEAN): ในฐานะองค์กรระดับภูมิภาค อาเซียนอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการคลี่คลายสถานการณ์ระหว่างสมาชิกทั้งสอง ประเทศมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ได้แสดงความกังวลและเสนอตัวเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย
2. การเรียกร้องให้มีการเจรจาและการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ: - นานาชาติส่วนใหญ่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเจรจาแบบทวิภาคีและการใช้ช่องทางการทูตเพื่อแก้ไขข้อพิพาท ทั้ง UN และหลายประเทศสนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการเป็นคนกลางแก้ไขปัญหาภายใต้กฎบัตรอาเซียน
- กัมพูชาได้นำเรื่องขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) อีกครั้งเพื่อแก้ไขข้อพิพาทเรื่องพรมแดน ซึ่งเป็นความพยายามที่จะใช้ช่องทางกฎหมายระหว่างประเทศในการยุติความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ไทยได้ปฏิเสธอำนาจศาลในเรื่องนี้
3. มุมมองต่อสาเหตุและผลกระทบ: - ต้นเหตุ: สื่อต่างชาติหลายสำนักรายงานว่าความขัดแย้งส่วนใหญ่มาจากประเด็นเรื่องแผนที่ที่วาดขึ้นภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2450 ซึ่งกัมพูชาใช้อ้างสิทธิ์เหนือดินแดน ในขณะที่ไทยโต้แย้งว่าแผนที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะบริเวณปราสาทพระวิหาร
- ผลกระทบต่อพลเรือน: การปะทะกันล่าสุดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะพลเรือน รวมถึงการที่ผู้คนนับแสนต้องอพยพออกจากพื้นที่ รัฐมนตรีสาธารณสุขของไทยได้ประณามการโจมตีพลเรือนและโรงพยาบาลว่าเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและอนุสัญญาเจนีวา
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: นักวิเคราะห์ต่างชาติมองว่าสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกัมพูชาที่ขาดเครื่องมือรองรับผลกระทบ และมีความเสี่ยงสูงต่อภาพลักษณ์ประเทศท่ามกลางบรรยากาศความไม่มั่นคงในภูมิภาค
4. การโต้ตอบและการกล่าวหากันของทั้งสองฝ่าย: - ทั้งไทยและกัมพูชาต่างโทษกันว่าเป็นฝ่ายเริ่มการโจมตี ฝ่ายไทยกล่าวหากัมพูชาว่าเปิดฉากการปะทะและโจมตีพื้นที่พลเรือน รวมถึงการวางระเบิดที่ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ ในขณะที่กัมพูชายืนยันว่าจำเป็นต้องปกป้องดินแดนของตน และการโจมตีพุ่งเป้าไปที่เป้าหมายทางทหารเท่านั้น
- ไทยได้ประณามการกระทำของกัมพูชาว่าเป็น "การรุกรานที่ไม่มีการยั่วยุ" และได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา
โดยสรุปแล้ว นานาชาติมองว่าข้อพิพาทไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์บานปลายไปสู่การปะทะทางทหาร เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้ความอดกลั้น การเจรจา และการหาทางออกอย่างสันติเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อชีวิตพลเรือนและความมั่นคงในภูมิภาค
บนเก้าอี้หวายมุมห้องตัวเดิม
หลายวันที่ผ่านฉันหยุดชีวิตไว้ในกรอบแคบแคบ เงียบสนิท ไม่มีเสียงแม้เพลงโปรดจากไดอารี่ตัวเอง ฉันหยุดหูของฉันเอง ไม่สนใจแม้กับเสียงลมหายใจ
ช่วงนี้รู้สึกอะไรรอบตัวซึมเซา
ไม่อยากขยับตัว อยากเป็นดักแด้ในรังอ่อน เบื่อจัง กับอะไรบางอย่างที่วกวน
ฉันไม่ชอบยืนอยู่ที่เดิม ในวงกลมสูญญากาศ พบหนังสือถูกใจ "ล้มได้แต่ต้องลุก"
น่าแปลกที่ช่างเหมือนใจ เหมือนได้พบมิตรคนที่ใกล้ชิดที่สุด ฉันเหมือนได้นั่งจับเข่าคุยกับเพื่อนรักคนที่ยิ่งกว่าสนิท เพื่อนคนที่เฝ้ามอง ติดตามความเคลื่อนไหวฉันตลอดเวลา ด้วยสายตาห่วงใย ตั้งใจปลุกฉันให้ตื่นมารับรู้โลกใบเดิม
ล้มได้แต่ต้องลุก..
แม้แต่นามแฝงยังเหมือนเดินออกไปจากหลืบใจ "กูก้อยใต้ต้นลั่นทมขาว" ลีลาวดีขาว..ไม่ใช่หรือไม้ประจำใจ.. สำนักพิมพ์ดอกหญ้าจัดเข้าชุดสาระสำหรับชีวิต ฉันอ่านหน้าแรกถึงหน้าสุดท้ายอย่างประณีต ถี่ถ้วน..
เฝ้าถามตัวเองฉันเป็นไพ่ใบสุดท้ายหรือยัง
ฉันต่อสู้เพื่อตัวเองหรือยัง.. จริงด้วย ชีวิตใช่จะมีแต่ตอนจบ..อย่ากลัวที่จะผิดพลาด อย่ากลัวอุปสรรค โลกใบนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว มีแต่"สู้" หรือ "ถอย" เท่านั้น จริงจริงนะ
เมื่อใดก็ตามที่เราไม่ช่วยเหลือตัวเอง ไม่ต่อสู้ เมื่อนั้นภูมิคุ้มกันก็จะลดน้อยลง ความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองก็จะถอยหลัง จนในที่สุดก็พบตัวเองยืนอย่างโดดเดี่ยว ท้อแท้และอยู่หลังแถว แน่นอน ฉันไม่อาจยืนอยู่หลังแถว
เพราะฉะนั้นเพื่อนเอ๋ย อย่ากลัวที่จะล้ม
และมั่นใจว่า แต่ละครั้งที่เราลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เราจะแข็งแกร่งกว่าเดิม.
"เราไม่มีโอกาสรู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เหมือนการเปิดไพ่ จะรู้ว่าเป็นใบไหนก้อต่อเมื่อเป็นไพ่ใบสุดท้าย"
ไพ่ใบสุดท้ายจำเป็นไหมว่าจะต้องเป็นไพ่ตาย.... อันนี้ไม่รู้ซี..เคยเล่นแต่ไพ่โกย..ไพ่แก่กินน้ำ.. รู้แต่ว่าฉัน..ไม่เคยแพ้..แพ้เมื่อไหร่วงแตกทุกที..
ไม่รู้ว่าเอานิสสัยนี้มาจากไหน รู้แต่ว่า..เลือดนักสู้ของฉันยังมีปริมาณเท่าเดิม.

|