Neric-Club.Com
  สารบัญเว็บไซต์
  ทรัพยากรคลับ
  พิพิธภัณฑ์หุ่นกระดาษ
  เปิดประตูสู่อาเซียน@
  พันธกิจขยายผล
  ชุมชนคนสร้างสื่อ
  คลีนิคสุขภาพ
  บริหารจิต
  ห้องข่าว
  ตลาดวิชา
   นิตยสารออนไลน์
  วรรณกรรมเพื่อเยาวชน
  ลมหายใจของใบไม้
  เรื่องสั้นปันเหงา
  อังกฤษท่องเที่ยว
  อนุรักษ์ไทย
  ศิลปวัฒนธรรมไทย
  ต้นไม้ใบหญ้า
  สายลม แสงแดด
  เตือนภัย
  ห้องทดลอง
  วิถีไทยออนไลน์
   มุมเบ็ดเตล็ด
  เพลงหวานวันวาน
  คอมพิวเตอร์
  ความงาม
  รักคนรักโลก
  วิถีพอเพียง
  สัตว์เลี้ยง
  ถนนดนตรี
  ตามใจไปค้นฝัน
  วิถีไทยออนไลน์
"ในยุคสมัยแห่งโลกแฟนตาซี ปลาใหญ่ไม่ทันกินปลาเล็ก ปลาเร็วไม่ทันกินปลาช้า ปลาตะกละฮุบเหยื่อโผงโผง โง่ยังเป็นเหยื่อคนฉลาด อ่อนแอเป็นเหยื่อคนเข้มแข็ง คนวิถึใหม่ต้องฉลาด เข้มแข็ง เสียงดัง มีเงินเป็นอาวุธ
ดูผลโหวด
 
 

'องค์ความรู้ในโลกนี้มีมากมาย
เหมือนใบไม้ในป่าใหญ่
มนุษย์เราเรียนรู้ได้
แค่ใบไม้หนึ่งกำมือของตนเอง
ผู้ใดเผยแผ่ความรู้
อันเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น
นั่นคือกุศลอันใหญ่ยิ่ง'
 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า












           




             ซ่อมได้ 


สถิติผู้เยี่ยมชมเวปไซต์
14021703  

วรรณกรรมเพื่อเยาวชน

ตอนที่ 14 : วันฟ้าเปลี่ยนสี
___________________________
กว่าปีที่ฉันเดินเข้าออกโรงพยาบาลที่พ่อพักรักษาตัว วันอาทิตย์สุดท้ายที่มีโอกาสได้ลาพ่อได้ต้นปาล์มเตี้ยน่าตึกสีขาว ภาพถ่ายในเสื้อครุยของฉันที่เตรียมจบการศึกษา ฉันยื่นส่งให้พ่อ ใบหน้าที่เคยประทับรอยยิ้มเสมอซูบผอมจนฉันใจหาย แต่ฉันก็ยังคงเห็นประกายตาอบอุ่นเสมอของพ่อ

ครั้งสุดท้ายก่อนกลับมาสอบปลายภาค
พ่อยิ้มลูบหัวฉันเหมือนทุกครั้ง เจือน้ำตารื้นๆในดวงตาเมื่อฉันบอกว่า
"ปริญญาใบนี้น้องกลางให้พ่อนะ"
"เลียนแบบหน้าพ่อเหมือนเปี๊ยบเลยนา"พ่อยังอุตส่าห์เย้าฉัน
คุณเจนพยาบาลพิเศษคนที่รู้สึกคุ้นเคยราวกับญาติสนิทพลอยน้ำตาซืม
เธอบอกฉันอย่างเอื้ออารี
" ไม่ต้องกังวลค่ะอีกสักสัปดาห์คุณพ่อก็กลับบ้านได้"
ฉันยิ้มรับและจากมาอย่างมีความสุขพ่อจะได้กลับบ้านแล้ว..
ฉันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาสอบ
 
บางวิชาฉันรู้ว่าอาจารย์หลายท่านพยายามช่วยเหลือเต็มที่
ฉันขาดเรียนและคะแนนหายไปแยะ แต่ด้วยเครดิตที่ดีมาตลอด
กับบารมีของพ่อด้วยฉันมั่นใจ ฉันผ่านปีการศึกษาสุดท้ายมาอย่างทุลักทุเล
ในช่วงความชุลมุนของชีวิตฉันค่อนข้างลำบาก
ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง หลายๆเรื่องฉันต้องพึ่งพาเพื่อนร่วมกลุ่ม
โชคดีที่มีกลุ่มเพื่อนสนิทที่ล้วนเป็นเด็กเรียน หลายคนบอกฉันคบแต่เพื่อนเรียนเก่ง
แต่ฉันถูกจริตกับเพื่อนรุ่นพี่มากกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรทางการศึกษา

ในช่วงสองปีสุดท้ายในภาควิชาเดียวกัน ฉันมีเพื่อนชายหญิงหลายคนที่ลามาศึกษาต่อ
คนที่สนิทที่สุดอยู่ในเส้นทางเดียวกัน
ในความแตกต่าง เธอชอบทำตัวเฟริสท์คบเพื่อนไฮโซ
แตกต่างจากโลกของฉันลิบ ฉันชอบมุมเงียบเงียบส่วนตัว
แต่อาจเป็นเพราะอีกมุมหนึ่งเธอไม่มีเพื่อนที่เหมาะกว่าฉันมั้ง
เรากลับบ้านด้วยกันทุกวัน วันที่กีต้าร์บอกฉัน " พี่อาร์ตชอบเธอ"
เธอบอก "อย่าไปสนใจเลย พี่อาร์ตกะล่อน"
ฉันที่เคยแอบลังเลอยู่เล็กเล็กว่า พี่อาร์ตชอบฉันจริงหรือแค่กะล่อนไปวันวัน
ตัดสินใจได้ในตอนนั้นเลยไม่อิดออด เลิกใส่ใจ ไม่สนใจคนกะล่อน
ฉันคล้อยตามอย่างเธอบอก แล้วฉันก็รู้ในที่สุดว่าเธอแอบชอบพี่อาร์ต
แต่ฉันก็ยังพอใจเลือกคบเธอ
 
วันเกิดของเธอในปีนั้นฉันใช้เวลาตัดดอกกุหลาบอยู่แต่เช้า
ในสวนที่เจ้าของไม่ว่างแต่อนุญาตให้ฉันตัดได้ตามความพอใจ
ก็ลูกค้าประจำ สวนนั้นมีแต่รอยเท้าของฉันปรุไปทุกตารางพื้นที่
เก็บดอกไม้เสร็จกว่าจะถึงชั้นเรียน คริสตินก็ยืนพร้อมบรรยายแล้ว
โชคดีที่วันนั้น เก้าอี้เรคเชอร์ถูกจัดแบบเรียงหน้ากระดาน
ไม่ได้เข้ากลุ่มกิจกรรมเหมือนทุกวัน
ฉันเขินเกินกว่าจะเข้านั่งหน้าชั้นเหมือนทุกครั้ง
เดินก้มหน้างุดงุดเตรียมจะยัดช่อดอกไม้ไว้ใต้โต๊ะ
ตั้งใจว่าหมดชั่วโมงค่อยให้เธอที่ยังมองไม่เห็นว่านั่งตรงไหน
 
นึกไม่ถึงว่าทันทีที่ก้าวเท้าเข้าห้อง
เสียงปรบมือเริ่มมาจากหลังซ้าย แล้วกราวไปหมดเลยทั้งชั้นเรียน
เพื่อนให้ฉันเอาช่อดอกไม้ไปให้มิสเตอร์คริสติน
ไม่รู้จะบอกอย่างไร เมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน
" Happy Valentine's Day"
แล้วหลายคนก้อพูดตามพร้อมพร้อมกัน
มิสเตอร์คริสยืนยิ้มกว้างหน้าแดง
เพื่อนเคยแซวเสมอว่าเขาเอาใจใส่ฉันเป็นพิเศษ
หลังวันนั้น คริสตินเป็นเงาของฉัน แต่เธอตัดขาดฉันไปเลย
รับรู้ทีหลังว่าวันนั้นเธอก็เอาดอกไม้ไปให้คริสตินเหมือนกัน
แต่คริสตินไม่รับกลับบอกว่า ของผมมีแล้ว....
ก้อช่อที่ฉันเตรียมไว้ให้เธอนั่นแหล่ะ
เธอที่รัก..หากเผอิญผ่านมาพบขอบอกว่าขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจ

ก่อนกระโดดขึ้นรถไฟอีกครั้งฉันเจอพี่อาร์ตอีกครั้งกับใครอีกคนที่ไม่ใช่ฉันและเธอ
ฉันงงมากกับเธอและคนข้างข้างเธอที่เป็นใครไม่รู้ ที่ฉันไม่เคยรู้จัก..
รักในแบบของใคร ก็เป็นแบบของมันไม่มีแบบแผนตายตัว
อย่าฝืนใจรัก ถ้ามันไม่ใช่ ไม่มีประโยชน์อะไร
หากจะคบใครสักคนเพียงเพราะอยากจะมีใครสักคน.
ในช่วงนั้นการสื่อสารแบบเฉียบพลันยังไม่แพร่หลาย
ฉันได้รับข่าวของพ่อทางโทรเลข "เตรียมชุดขาวของพ่อมาด้วย"!!!
ฉันเผ่นถึงโรงพยาบาลเช้ามืดนั้นไม่รอฟังผลการสอบที่หลายคนไม่ผ่าน..
ต้นเดือนมีนาคม ฉันขลุกอยู่กับพ่อที่โรงพยาบาลนั่นเอง
ดวงใจฉันแทบแตกสลายกับอาการของพ่อที่ทรงทรงทรุดทรุด
และไม่รู้สึกตัวอีกเลย
 
ในระหว่างที่ฉันขมักเขม้นสอบพ่อล้มในห้องน้ำ
และกระเทือนถึงภายในเลือดตกกระเพาะต้องผ่าตัดกระทันหัน
หลายคนบอก" ถ้าน้องกลางอยู่พ่อคงไม่ล้ม"
ก็ฉันไม่เคยทิ้งพ่อแม้ในห้องน้ำ แม้ว่าพ่อจะไล่ฉันด้วยความเกรงใจ
แต่ที่สุดพ่อก็ชินกับฉันที่ยืนหันหลังให้ และรอจนกว่าจะทำธุระเสร็จ
ฉันร้องให้จนเหมือนน้ำตาหมดแล้วในวันนั้นและไม่ร้องอีก
ฉันไม่อยากให้พ่อเป็นทุกข์ ปลายสัมผัสที่ปลายนิ้วของพ่อในมือฉัน
บอกให้รู้ว่าพ่อยังอยู่ใกล้ใกล้ฉันและพ่อก็รับรู้ว่าฉันเองก็ไม่ห่างพ่อไปไหน
4 มีนาคม ก่อนวันรับพระราชทานปริญญาบัตรของฉัน 20 วัน
พ่อสิ้นลมเงียบเงียบจากการช็อคพลาสมา.
น้ำตาฉันคงหมดไปแล้วจริงจริง..ดวงตาแห้งผากกับรับรู้ใหม่
..ฉันสิ้นร่มโพธิ์ร่มไทร..
 
 
 
 

::: เพลงใครสักคน:::






หน้าที่ :: 11   12   13   14   15   16   17  


Copyright © 2012 Neric-Club.Com All Rights Reserved