Neric-Club.Com
  สารบัญเว็บไซต์
  ทรัพยากรคลับ
  พิพิธภัณฑ์หุ่นกระดาษ
  เปิดประตูสู่อาเซียน@
  พันธกิจขยายผล
  ชุมชนคนสร้างสื่อ
  คลีนิคสุขภาพ
  บริหารจิต
  ห้องข่าว
  ตลาดวิชา
   นิตยสารออนไลน์
  วรรณกรรมเพื่อเยาวชน
  ลมหายใจของใบไม้
  เรื่องสั้นปันเหงา
  อังกฤษท่องเที่ยว
  อนุรักษ์ไทย
  ศิลปวัฒนธรรมไทย
  ต้นไม้ใบหญ้า
  สายลม แสงแดด
  เตือนภัย
  ห้องทดลอง
  วิถีไทยออนไลน์
   มุมเบ็ดเตล็ด
  เพลงหวานวันวาน
  คอมพิวเตอร์
  ความงาม
  รักคนรักโลก
  วิถีพอเพียง
  สัตว์เลี้ยง
  ถนนดนตรี
  ตามใจไปค้นฝัน
  วิถีไทยออนไลน์
"ในยุคสมัยแห่งโลกแฟนตาซี ปลาใหญ่ไม่ทันกินปลาเล็ก ปลาเร็วไม่ทันกินปลาช้า ปลาตะกละฮุบเหยื่อโผงโผง โง่ยังเป็นเหยื่อคนฉลาด อ่อนแอเป็นเหยื่อคนเข้มแข็ง คนวิถึใหม่ต้องฉลาด เข้มแข็ง เสียงดัง มีเงินเป็นอาวุธ
ดูผลโหวด
 
 

'องค์ความรู้ในโลกนี้มีมากมาย
เหมือนใบไม้ในป่าใหญ่
มนุษย์เราเรียนรู้ได้
แค่ใบไม้หนึ่งกำมือของตนเอง
ผู้ใดเผยแผ่ความรู้
อันเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น
นั่นคือกุศลอันใหญ่ยิ่ง'
 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า












           




             ซ่อมได้ 


สถิติผู้เยี่ยมชมเวปไซต์
14023940  

สัตว์เลี้ยง

พฤติกรรม และการแสดงออกของสุนัข มีวิธีการสังเกตดังต่อไปนี้

1. การมองเห็น ตำแหน่งตาอยู่ค่อนไปทางด้านข้างของหัว ช่วยให้เห็นภาพในมุมกว้างกว่ามนุษย์ สุนัขจึงตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมองเห็นในที่มืดได้ดีกว่ามนุษย์เพราะเซลล์บริเวณจอตาซึ่งเป็นที่รวมแสง สุนัขเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตกลางคืน มีแสงไฟนิดหน่อยก็มองเห็นได้ สุนัขมองเห็นได้ไม่ไกล คือ ถ้าเกิน 100 เมตร ก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่าใครเป็นใคร สุนัขมองเห็นได้แค่ 2 สี คือ ขาวกับดำ ไม่ว่ามืดหรือสว่างก็ไม่เห็นสี

Image



2. การดมกลิ่น เป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งที่สุนัขใช้กันมาก สุนัขจะกำหนดเขตแดนของตนโดยการปัสสาวะบ่อยๆและการเกาหรือขีดข่วนพื้นเพื่อทิ้งกลิ่นเหงื่อจากต่อมเหงื่อที่อุ้งเท้า นอกจากนี้ สุนัขยังชอบกลิ้งตัวไปตามพื้นเพื่อทิ้งกลิ่นตัวเองไว้ประมาณว่า เราจองแล้วนะ การใช้จมูกดมตามพื้น หมายถึง การหาที่ขับถ่าย ส่วนการเอาจมูกแตะกัน หมายถึง การที่สุนัขทำความรู้จักกัน เป็นการหยั่งเชิงซึ่งกันและกัน สุนัขสองตัว ไม่เคยพบกันมาก่อน แล้วจู่ๆมาเจอกัน สิ่งแรกที่จะแสดงออกถ้าไม่เห่า ก็คือการวิ่งเข้าหากันโดยเอาจมูกมาแตะกัน การเอาจมูกแตะกันอย่างนี้เป็นพฤติกรรมทดสอบฝ่ายตรงข้ามเบื้องต้นว่ามาอย่างเป็นมิตรหรือศัตรู จากนั้นจะผลัดกันดม เพื่อเพิ่มความคุ้นเคยและเป็นการจดจำกลิ่นซึ่งกันและกัน ถึงขั้นดมกลิ่นนี้ถือว่าสุนัขทั้งสองตัวเรียนรู้ได้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูกัน ถ้าเป็นศัตรูกันก็อาจเดินหนี้

สุนัขทุกชนิดมีความสามารถในการดมกลิ่นแต่บางสายพันธุ์มีประสาทการดม
กลิ่นพัฒนาไปมากกว่าสุนัขทั่วไป เช่น พันธุ์บลัดฮาวน์ด นอกจากใช้จมูกดมกลิ่นแล้วยังมีเซลล์พิเศษในปากเพื่อรับกลิ่นด้วย สุนัขสามารถจำกลิ่นได้เป็นเวลานานและดมกลิ่นเลือดที่หยดลงในน้ำ 7.5 ลิตรได้และสามารถตามรอยเหงื่อจากรอยเท้าที่ทิ้งไว้เมื่อ 20 ชั่วโมงได้ สุนัขมีต่อมรับกลิ่นมากกว่ามนุษย์หลายล้านเท่า เช่น มนุษย์มี 5 ล้านต่อม เยอรมันเชพเพิร์ดมีถึง 2100 ล้านต่อม


3. การได้ยิน โดยทั่วไปสุนัขจะมีประสาทรับเสียงที่ไวมากสามารถได้ยินเสียงคลื่นความถี่สูงกว่าที่มนุษย์ได้ยินจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการล่าเหยื่อและการสื่อสารกับสุนัขอื่น นอกจากการฝึกสุนัขให้ช่วยนำทางคนตาบอดแล้ว เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการฝึกสุนัขเพื่อให้ช่วยคนหูหนวก โดยจะฝึกสุนัขให้รับรู้เสียงโทรศัพท์ แล้วบอกเจ้าของให้มารับข้อความทางโทรศัพท์ผ่านทางคอมพิวเตอร์เป็นตัวอักษร นักวิทยาศาสตร์ทดลองเอาลูกแก้วเล็กๆยกจากพื้นสูง 3 เซนติเมตร สุนัขยืนห่างออกไป 24 เมตร ก็ยังได้ยิน สุนัขรู้ที่มาของเสียงได้แม่นยำกว่าคน สุนัขจับจังหวะเสียงเดินของเจ้าของได้ สุนัขสามารถได้ยินเสียงความถี่ต่ำกว่า 20 Hz และมากกว่า 20,000 Hz ซึ่งเป็นความถี่ที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยินได้ สมัยก่อนสุนัขหูตั้ง พอคนเอามาเลี้ยงหูเลยตกลงมา ทำให้รับเสียงได้ไม่ดี

4. การกินและการรับรส สุนัขไม่สามารถรับรสได้แต่อาศัยดมกลิ่น สุนัขต้องใช้ลิ้นแตะอาหาร 1 วินาทีเพื่อให้รู้รสอาหาร ฟันน้ำนมของสุนัขจะเกิดเมื่ออายุ 20 วันและขึ้นครบใน 6 สัปดาห์ หลังจากนั้น 3 เดือนก็จะเริ่มหลุดและฟันแท้ก็จะงอกแทน สุนัขมีฟันน้ำนม 28 ซี่ ฟันแท้ 42 ซี่ สมัยก่อนสุนัขกินเนื้อจึงใช้เขี้ยวมากและยังใช้เป็นอาวุธได้อีกด้วย

Image



5. การเห่า เป็นพฤติกรรมปกติของสุนัข อาจเป็นการแสดงความตื่นตัวของสุนัขและบ่งบอกถึงอาณาเขตครอบครองของตัวสุนัขและเป็นการข่มขู่ผู้ที่เข้ามาในเขตครอบครองของสุนัข ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนหรือสัตว์ การเห่าอาจเป็นอาการแสดงความยินดีหรือเป็นการสื่อสารของสุนัขกับสิ่งอื่น หรือเพื่อเชิญชวนให้มาร่วมเล่นด้วย หรือเกิดเนื่องจากสุนัขมีความสุข สุนัขจะเห่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ เมื่อสุนัขอายุได้ 4-6 เดือน จะเริ่มเห่าอย่างมั่นใจ อาจจะเห่าอย่างไม่มีเหตุผลในบางครั้ง แต่สำหรับสุนัข ทุกครั้งที่เห่า นั่นแสดงว่า เกิดความแปลกหรือความผิดปกติขึ้น เช่น เสียงดังเข้าประสาทหูมัน กลิ่นแปลกๆจากสัตว์อื่น นอกจากนี้ การเห่าของสุนัข เป็นสิ่งที่ช่วยเตือนภัยให้เจ้าของบ้านด้วย

6. การเล่น โดยธรรมชาติสุนัขเป็นสัตว์สังคมและอยู่รวมกันได้ดี เนื่องจากมีการจัดลำดับฐานะความสำคัญในกลุ่ม สุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนมักจะแสดงกิริยาต้อนรับโดยการแกว่งหางและอ้าปากเล็กน้อยเมื่อสมาชิกในครอบครัวกลับเข้าบ้านและมักจะส่งเสียงเห่าเบากว่าสุนัขประเภทล่าเนื้อเนื่องจากการเห่าเป็นลักษณะที่ไม่พึงปรารถนา


หน้าที่ :: 1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11  


Copyright © 2012 Neric-Club.Com All Rights Reserved