Neric-Club.Com
  สารบัญเว็บไซต์
  ทรัพยากรคลับ
  พิพิธภัณฑ์หุ่นกระดาษ
  เปิดประตูสู่อาเซียน@
  พันธกิจขยายผล
  ชุมชนคนสร้างสื่อ
  คลีนิคสุขภาพ
  บริหารจิต
  ห้องข่าว
  ตลาดวิชา
   นิตยสารออนไลน์
  วรรณกรรมเพื่อเยาวชน
  ลมหายใจของใบไม้
  เรื่องสั้นปันเหงา
  อังกฤษท่องเที่ยว
  อนุรักษ์ไทย
  ศิลปวัฒนธรรมไทย
  ต้นไม้ใบหญ้า
  สายลม แสงแดด
  เตือนภัย
  ห้องทดลอง
  วิถีไทยออนไลน์
   มุมเบ็ดเตล็ด
  เพลงหวานวันวาน
  คอมพิวเตอร์
  ความงาม
  รักคนรักโลก
  วิถีพอเพียง
  สัตว์เลี้ยง
  ถนนดนตรี
  ตามใจไปค้นฝัน
  วิถีไทยออนไลน์
"ในยุคสมัยแห่งโลกแฟนตาซี ปลาใหญ่ไม่ทันกินปลาเล็ก ปลาเร็วไม่ทันกินปลาช้า ปลาตะกละฮุบเหยื่อโผงโผง โง่ยังเป็นเหยื่อคนฉลาด อ่อนแอเป็นเหยื่อคนเข้มแข็ง คนวิถึใหม่ต้องฉลาด เข้มแข็ง เสียงดัง มีเงินเป็นอาวุธ
ดูผลโหวด
 
 

'องค์ความรู้ในโลกนี้มีมากมาย
เหมือนใบไม้ในป่าใหญ่
มนุษย์เราเรียนรู้ได้
แค่ใบไม้หนึ่งกำมือของตนเอง
ผู้ใดเผยแผ่ความรู้
อันเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น
นั่นคือกุศลอันใหญ่ยิ่ง'
 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า












           




             ซ่อมได้ 


สถิติผู้เยี่ยมชมเวปไซต์
13997848  

ลมหายใจของใบไม้

ฝนกลางแดด


 "ถนนแฉะ กลัวรถเปียกเลยถอดรองเท้าเดินฝ่าสายฝนฝ่าสนามหญ้าเขียว

สัมผัสความหยุ่นย่นของไส้เดือนดิน สายตาทอดไปทักทายตั๊กแตนสีสวยที่ทิ้งตัวฉับบนยอดหญ้า
น้ำค้างหยดสุดท้ายหลบเร้นตัวเองในซอกใบ เสียงฝนกระทบกลีบทองหลางด่าง.. ปาริชาติสินะ..
เหมือนเสียงกระซิบลาผ่านฟ้า เศร้าจับใจ ..หนาวสะท้าน..ฝนเอย..เหงาไหม.. "
 
ถ้าฉันจะเขียนโรยหน้าในบันทึกของฉันอย่างนี้สักวันหนึ่ง
ใครจะจับความรู้สึกได้ไหมว่าเป็นความเท็จ
ใครจะคิดไปถึงไหมว่าฉันกำลังป่วยและเพ้อไปด้วยพิษไข้
ฉันคนเดิมที่ไม่เคยเขียนเรื่องนอกเหนือจากสื่งที่เป็นจริง
เรื่องราวของฉันจับต้องได้เสมออย่างไม่ซับซ้อน
แม้ในเวลาที่กำลังหนาวสะท้านเพราะพิษไข้..

ฉันกำลังจะบันทึกเรื่องราวของตัวเองอีกสักเรื่อง
มันผิดตรงไหนเล่าหากจะเขียนแต่เรื่องราวแห่งชีวิต
ในเมื่อความสุขคือศิลปะของการจดจำเรื่องราวอันควรจดจำ
ฉันให้ลมหายใจของใบไม้เป็น อนุทินชีวิต บันทึกความทรงจำ
ฉันจะเลือกจดจำแต่สิ่งที่ดี ขอโทษทีฉันแค่ทำห้องสมุดส่วนตัว
ฉันแค่ทำฝันของฉันให้เป็นจริง หาได้หาญทำบล็อกกาซีนแต่อย่างใดไม่
ขอโทษอีกครั้งหากในความทรงจำนั้นไม่มีเธอ
"ฝนกลางแดด" ไม่ผิดหรอก..ตั้งใจจะใช้ชื่อนี้ก็ฝนเทอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
สายฝนพราวลงมาในวันที่แดดเป็นสีส้มสดของปลายร้อน
ความเย็นฉ่ำนั้นพร่างพรูมาในวันที่โลกสีซีเปียของฉันหม่นทึบ

งานหลายหน้าอย่างนี้ ฉันเลือกกระโดดออกมาอยู่ในมุมของตัวเอง
หลายคนทักฉันว่าเป็นคนนั้นคนนี้ใน ไทยโพม เย้ย..ผิดแล้ว..!
ถึงฉันจะ "รักบทกวีดั่งชีวิต" ฉันก็มิบังอาจเอาหิ่งห้อยไปประดับฟ้า

ฉันเข้าไปวิ่งเล่นอยู่ในนั้นราวกับเป็นบ้านของตัวเอง
ซอกแซกไปทุกซอกทุกมุม .ใช้เวลาที่นั่นมากกว่าเว็บของตัวเอง..
พอใจบทกวี บทเพลง ภาพหรือแม้แต่ข้อคิดคำแขวะเล็กน้อย
ประทับใจมากๆก็จะหยิบติดมือมาเก็บไว้ใน ห้องสมุดส่วนตัว
ฉันถือว่าทุกอย่างที่ออนไลน์คือเป็นผลงานของมวลชน

ประทับใจกับผลงานที่นั่นมากมาย
ฉันนั่งปล่อยเวลาไปกับถ้อยคำสวยๆ อารมณ์หลากหลาย
ที่สำคัญที่สุดก็ความคิดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
เหมือนนั่งดูโทรทัศน์ แต่ไม่เคยฝากผลงานไว้ที่นั่น
เธอยังเถียงอย่างฉงน "สำนวนอย่างนั้น..,มันใช่เลย"
แล้วจะปิดบังเอาแก้วอะไร..บุคคลิกทางภาษาของฉันได้มาตรฐานสากลม้างง..
ฉันพอใจเขียนร้อยแก้วมากกว่าร้อยกรอง และเหมือนจะทำได้ดี (...)
ในชีวิต ฉันอาจจะเขียนบทกวีเป็นแปดแสนล้านบท
แต่ไม่เคยคิดเอาถ้อยคำวนไปวนมาของฉันไปป่วนสวนอักษรสวรรค์
จริงอยู่ฉันเคยส่งบทกวีลงหนังสือต่างๆในวัยเรียนแต่ไม่เกินสิบ
สำนักพิมพ์ต้องมีอันปิดไปเป็นสำนักๆ ไปเสียก่อนทุกที (จริงจริงนะ)
แล้วฉันจะเอางานของฉันไปล่มเว็บที่แสนจะรักนั่นได้อย่างไร

ฉันอ่านผลงานของทุกคนจนเหมือนจะรู้จักมักคุ้นไปหมดแล้ว
ในบ้านกลอนนั้นเหมือนครอบครัวใหญ่ ใครหายไปก็มองหา
ใครประสบความสำเร็จมาอวดก็รู้สึกยินดีด้วย
วันไหนเกิดมีเรื่องไม่เข้าใจหรือขัดแย้งกันทางความคิด
ก็เฝ้ามองอย่างเป็นห่วงเป็นใยจนเหตุการณ์สงบด้วยดี

ฉันมองเห็นความน่าชื่นใจของสังคมเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ของที่นั่น
สัมผัสได้ถึงถ้อยทีถ้อยอาศัย มีกำลังใจให้แก่กันเสมอ
เห็นหลายคนมีงานที่งดงามขนาดรวมเล่มได้เลยทีเดียว
ยังใจหายเล็กๆกับคำ "วรรณกรรมขยะ" ที่สวนกระแสมา
เสียใจกับความไม่รับผิดชอบในบทบาทของสื่อสาธารณะ
คงลืมไปว่าสังคมชาวบ้านกลอนละเมียดละไมอ่อนไหวกับทุกความรู้สึก

นักวิพากษ์ทั้งหลายอาจบางทีคงเป็นแค่หลุมดำของวงการวรรณกรรม
ในแต่ละวิถีชีวิตย่อมมีเหตุผลที่แตกต่าง
คำวิพากษ์ที่ใช้เหตุผลของตัวเองมาตัดสินผลงานคนอื่น
มันเป็นจุดหม่นของคนบนถนนหนังสือ ใครมองเห็นเหมือนฉันไหม?

ในวันนี้..ที่มีฝนกลางแดด วันที่พบใครสักคนที่มีสัมผัสคล้ายกัน
ฉันรู้สึกรักเว็บนั้นมากขึ้นเป็นพิเศษฉันพบใครบางคนที่ทำให้หัวใจอยากร้องเพลง
ฉันพบใครบางคนที่มองโลกสวยงามเสมอฉันพบแล้วใครบางคนที่มีหัวใจละมุนละไม
ฉันพบแล้วในกระจกเงาบานใหญ่ใบนั้นฉันพบเงาของฉันแล้วในกระจกบานใหญ่
ฉันพบเงาของตัวฉันเองวันที่แดดเปียกฝน ให้เธอเป็นเงาของฉันวันฝนเปื้อนแดด
 
เธอค้นพบไหมใครสักคนที่เป็นเงาของเธอ ?
เงาของเธอคือฉันใช่ไหม เงาของเธอเป็นฉันได้ไหม?
นะ..ให้ฉันเป็นเงาของเธอวันที่แดดสีส้มอ้อนฝนปราย..

"ในโอกาสหนึ่งที่ได้กลับไปรวมญาติอีกครั้งใต้แสงจันทร์ที่บ้านสวน
บรรยากาศเก่าเก่าในวัยเยาว์ถูกจำลองไว้ตรงนั้น..คิดถึงพ่อจับใจ..
พ่อเป็นต้นฉบับและถ่ายทอดสายเลือดอนุรักษ์ธรรมชาติ
ให้แก่ลูกเล็กเล็กของพ่อ ตราบจนเติบใหญ่..
ฉันไม่เคยลืมภาพที่ระเบียงบ้านยามดึกในคืนแสงจันทร์ส่องสว่าง
ลานกว้างกว้างจะเป็นที่ชุมนุมของลูกเล็กๆทั้งหกของพ่อ
ผลัดกันเล่านิทานที่ฟังมาบ้าง เล่าเรื่องจากโรงเรียนบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง แซววาทีกัน..
และทะเลาะกันเสียงดังลั่นๆจนพ่อต้องขู่ว่า ถ้าเสียงดังจะให้เข้าบ้านนอน
จริงจริงนะ..ฉันนึกไม่ออกเลยว่าพ่อเคยดุพวกเราไหม  เวลาดุพ่อจะทำหน้าอย่างไร..
ภาพติดตาคือภาพพ่อล้อเลียนเขี้ยวเล็กๆที่มุมปากฉันเวลาหัวเราะเสียงดังดัง
ซึ่งก้อจะหยุดอาการเซ่อซ่าร่าเริงของฉันได้ทุกครั้ง
เมื่อพวกเราต่างเติบโตแยกย้ายกันไปเรียนไกลไกล
ฉันก้อเพิ่งรู้เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของพ่อในวันนี้.. วันที่ฉันไม่มีใคร
รุ้ว่าพ่อแสนจะห่วงลูกกำพร้าเล็กเล็กของพ่อ แต่พ่อไม่เคยแสดงออก ไม่ปริปาก.. 
ในท่ามกลางแสงจันทร์ทอสว่างราวกับกลางวัน
พ่อนั่งเงียบเงียบบนเก้าอี้โยกหนุนแขนตัวเองต่างหมอน..
ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าพ่อคิดอะไร..จนวันเวลาล่วงผ่าน..
นิสัยสอดรู้สอดเห็นพาฉันไปเจอบันทึกเก่าเก่าของพ่อ
บันทึกเก่าเก่านั้น..เก่าจนกระดาษจับสีเหลืองและไม่อัพเดท
แต่ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกทั้งมวลของพ่อ
ฉันไม่ลืมหน้ากลางที่มีริบบิ้นสีจางจางคั่นอยู่
ตัวอักษรเล็กเล็กหัวหางชัดเจนของพ่อกระจ่างอยู่ในใจ
และนั่นคือบันทึกของพ่อหลังจากแม่ "ไปสวรรค์" หลายปี..
คนเก่าเก่าเล่าให้ฟังว่า พ่อกับแม่รักกันนักหนา ร่วมชีวิตกันเพียง13 ปี
 แล้วสัจจธรรมชีวิตก้อพรากแม่จากไป ..วางหกชีวิตเล็กเล็กไว้กับพ่อเพียงคนเดียว
คนเดียวจริงจริง พวกเรารู้ว่าพ่อเป็นพ่อหม้ายเนื้อหอม รูปหล่อ
มีสาวแก่แม่ม่าย แวะเวียนมาให้พวกเราวิพากษ์วิจารณ์กันมันส์
เอ๊อ.อ..ไม่ใช่..แวะเวียนกันมาทำความรู้จักกับพวกเรา !!
แต่รอไปเถอะ ข้ออ้างของพ่อ. "..รอให้ลูกโตก่อน.."
เหอออ..ก้อลูกของพ่อไม่เคยโตเลยใน"อาณาจักร" ของเรา
คุณน้าเคยเปรยเปรยเย้าพวกเราว่าลูกหกคนนี้ พ่อรักใครที่สุดนะ?
ฉันได้ตอบไปแล้วด้วยใจทั้งหมด. " พ่อจะรักใครก้อช่าง ฉันรักพ่อที่สุด"
ในวัยเด็กฉันค่อนข้างจะขี้แย แต่ไม่เคยร้องไห้เพราะพ่อเลย
นอกจากวันสุดท้ายที่ใกล้ชิดพ่อที่สุด .. วันเก็บอัฐิ..
"ใครได้ฟันกรามของพ่อเก็บไว้แสดงว่าเป็นลูกที่พ่อรักมากที่สุด"
เสียงตัวแสบข้างๆอธิษฐาน น้ำตาฉันร่วงเผาะ จนรู้สึกว่ามันดังก้องไปทั้งใจ
ถึงแม้จะรู้แล้วจากเสียงพี่ใหญ่เอ็ด " เห็นแล้วซี..ถึงอฐิษฐาน "
หากเป็นวัยเด็กคงได้ต่อปากต่อคำกันอีกนาน
แต่ที่ทำคือเช็ดน้ำตาแล้วเถียงในใจ.."..ในชีวิต..ฉันภูมิใจแล้วที่ได้มี
โอกาสบอกว่า"รักพ่อ" ในยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่.."

นวนิยายเรื่องยาวเหยียดของฉันด้วยความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวล
มันยังคงค้างคาไว้อย่างนั้น ไม่มีตอนจบ นวนิยายที่ยังไม่ถึงตอนจบ
ก็ตัวละครทุกตัวยังคงโลดเต้นอยู่บนถนนชีวิต ต่างไปเพียง แป้งนมและ "พ่อ"
พ่อ บรมครู ของลูกลูก บรมครูสร้างหลักสูตรด้วยชีวิตและจิตวิญญานครูอย่างแท้จริง
"วันครู" ผ่านมาบรรจบอีกเป็นรอบที่ 28 ของชีวิตการเป็นครู
ฉันกำลังระลึกถึงเส้นทางสายครูอีกครั้ง..ครู ประสบการณ์ตรงสำเร็จรูป
ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นวิถีทางที่ดี - เลว - ถูก -ผิด ที่สุดในสายทางที่มองต่างมุม
เทศกาลโยกย้ายมาอีกระลอก เจ้ากรมข่าวลือกระฉอกข่าวฉันได้ย้ายมาเขย่าเก้าอี้
ปกติก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วมันจะพลิกคว่ำเอาง่ายๆน่ะเก้าอี้ฉัน
ไม่รู้อะไรกันหนักหนา นโยบายครูคืนถิ่นซ่อนเร้นอยู่หลืบไหนแล้ว

ในทุกปีใหม่ของเราพี่น้องจะสนุกสนานกันมาก
พี่ใหญ่พี่รองและน้องเล็กจะพากันไปหอบฟางจากทุ่งนาข้างบ้าน
พ่อเตรียมปิ๊บและพื้นที่สำหรับโชว์ฝีมือ ปีใหม่ปีนี้ไม่มีพ่อแต่ยังมีไก่อบฟางให้กิน
แต่ปีหน้าปีไหนจะยังมีฟางอบไก่อีกหรือเปล่า
ฉันจะได้กินไก่อบฟางอีกใช่ไหม ฉันกลัวไฟไหม้ฟาง จริงจริงนะ
หลังจากการประเมินโรงเรียนดีใกล้บ้านผ่านพ้นไป
ได้เวลาล้างสมองกลตัวใหม่ที่แสนจะบอบบาง นั่นไม่ได้ นี่ไม่รับ
ฉันไม่เอาไว้แล้ว ส่งเมล์บอกคนสุดทาง กว่าจะได้พบก็เกือบถอดใจ
"งานเยอะ" เธอบอก ฉันรู้.. งานของเธอมากจนลืมฉันได้ทั้งชีวิต
แต่หากย้อนเวลากลับได้ฉันก็จะไม่เปลี่ยนเส้นทางของเธอ


ฉันนึกถึงคนที่ทิ้งเวลาส่วนหนึ่งไปกับงาน จนลืมแม้กระทั่งตัวเอง
คนบางคนมุ่งเดินไปข้างหน้่าบุกเบิกอนาคต..กว่าจะคิดได้
หันกลับมามองเบื้องหลังอีกทีก็เหลือแต่ความว่างเปล่า
"จดทะเบียนกับใครหรือยัง"ฉันถามดุ่ยๆ เธอทำเสียงดุ "จะให้จดกับใคร"
ก็คนมากมายรอบข้างเธอนั่นเล่า ฉันเห็นหลายคนเป็นหน้าเดิม หลายคนไม่ซ้ำหน้า
ฉันรู้ว่าในสังคมปัจจุบัน ผู้ชายมีทางเลือกมากมาย ความเสื่อมโทรมของสังคมครอบครัว
ขับเคลื่อนให้เด็กสาวรุ่นใหม่บางกลุ่ม พลีตัวเป็นเครื่องเล่นแลกเงิน แลกความสะดวกสบาย
แต่ฉันรู้เธอไม่มีวันใช้ทางเลือกนี้.. เด็กดี ถนนของเธอไม่ใช่เส้นทางนี้
เธอ..คนของสังคมเล็กๆในเมืองใหญ่ที่ขยายกว้างขึ้นจนไม่ว่าเรื่องราวใดก็กลายเป็นของธรรมดา
รู้แก่ใจดี..เธอมีโลกของเธอ เธอมีข้อจำกัดของเธอ ฉันมีข้อจำกัดของฉัน..

"ภาษีคนโสดแพง เราจดทะเบียนกันไหม" ฉันโยนหินถามทาง เมื่อเธอบอกภาษีของฉันสูงผิดปกติ
เธอหน้าแดงไปถึงใบหู ฉันพูดผิดเหรอ ไม่ได้ขอแต่งงานสักหน่อย..แปลกแห่ะ..
แทงใจดำล่ะซิ นะ.. โอกาสของเธอมีมากมาย ก็อายุเริ่มต้นที่ห้าสิบงัย..เราต่างคนต่างเริ่มต้นใช่มั้ย
เธออ้อมแอ้ม "เดี๋ยวก็น้ำท่วมโลกแล้ว" โห..ไม่มีความมั่นคงในชีวิตเลยนะ..
ยังอยากแหย่ต่อ (นานๆมีคนซื่อหลวมตัวมาสักที)
"น้ำท่วมโลก ก็ได้เวลาเที่ยวรอบโลกเลยซี"
"จะได้มีเพิ่อนลอยเรือรอบโลกงัย..กาละมังคนละใบ"
เธอไม่รับมุข ก้มหน้างุดซ่อมโปรแกรมที่ฉันยำไว้เละ
"ถึงตอนนั้นมันก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว" อ้าว..เธอจริงจังกว่าฉันเสียอีก
อยากให้มีความจริงใจสม่ำเสมอตลอดไป

วันที่เธอขอบคุณที่ฉันจุดประกายให้เธอบินขึ้นสูงฉันตอบว่าเธอดีด้วยตัวของเธอเอง
ความดีในข้อนี้เป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งที่ผู้ชายไทยพึงมี
อ่านบทสัมภาษณ์คนดังคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในวงการธุรกิจ
ถึงพนักงานที่จงรักภักดีกับบริษัท ทำงานกันเต็มศักยภาพ และได้ทั้งพระเดชพระคุณ
เจ้าของบริษัทเลือกเฟ้นพนักงานด้วยตัวเองคัดสรรจากจิตสาธารณพิ้นฐาน
ความกตัญญูรู้คุณ เป็นเครื่องบ่งบอกว่าคนกลุ่มนี้จะไม่ทำเรื่องเลวร้าย
คนรักครอบครัวเป็นคนจิตใจสวยงาม เธอจิตใจสวยงาม

เธอนั่งฟังฉันเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้เหมือนวันเก่า
นานๆเมื่อรู้ว่าฉันอำหรือเวอร์ไปก็จะแย้งสักครั้ง
ขอบใจที่ยังมีความห่วงใยกัน ได้รู้ได้เห็นว่าเธอสบายดีก็พอใจแล้ว
ระหว่างเรายังมีความรู้สึกดีให้แก่กันเสมอ " มีความสุขกับการทำงานก็ดีแล้ว"
น้อยใจอยู่นิดเดียว เธอไม่ขอโทษฉันสักคำที่ปล่อยให้หลงทางอยู่นานเหลือเกิน
นานจนไม่ทันรถไฟขบวนสุดท้ายที่เคลื่อนจากไป
ทิ้งรางคู่ขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันไว้เบื้องหลัง
แต่ไม่เป็นไรนะ ที่ขอบฟ้าดวงตาวันดวงเดิมยังมีอยู่ให้เห็น..
ทุกชีวิตยังดำเนินต่อไป..ฉันก็ยังคงเป็นฉันคนเดิม..
ดอกนางแย้มส่งกลิ่นอ่อนมาไกลจัง
เหมือนซ่อนรอยเศร้าไว้กับกลีบละเอียดที่ซ้อนแน่น
ฤดูการย้ายมาถึงอีกครั้ง กลิ่นหอมของถนนเปียกฝนหลงฤดูโชยรวยริน
กลับเข้าบ้านแต่ละครั้งเหมือนใครผูกรั้งฉันไว้ด้วยเวทย์มนต์ของจินตนาการ

พื้นที่สวยงามที่ฉันเตรียมทำวิมานใสไว้มองพระอาทิตย์ดวงโตขึ้นยามเช้า
ฉันเล็งไว้ทุกวันตรงเสาสวยเหมือนหอไอเฟลนั่นท้องฟ้าสีชมพูเป็นฉากให้พระอาทิตย์ชักรถ
ฉันจะเนรมิตซุ้มไม้เลื้อยหลากสีสรรกลิ่นหอมขจรขจายยามค่ำ ..ราชาวดี
มีมุมส่วนตัวใต้ระเบียงโปร่งได้ชมพระอาทิตย์ตกหลังแนวเขาสีน้ำเงินกับฝูงนกสีขาวต้นฤดูหนาว
ฉันวางมุมขีดเขียนไว้ที่โน่นที่นี่ ที่ริมสระน้ำเล็กๆมีบัวบานสพรั่งดอก ที่ซุ้มกระดังงา
ทางเดินเล็กเชื่อมบ้านของพ่อ ฉันจะวางไม้สวยทุกต้นด้วยตัวเอง
ถึงเวลานับถอยหลังแล้ว ถึงเวลาฉันคืนถิ่น การเดินทางเริ่มต้น
ฉันจะให้การเดินทางเป็นลมหายใจและสายตา
เธอคนดีของฉันคนนั้น คนที่ยังเห็นเป็นเงาของกันและกัน
เธอยินดีจะไปเที่ยวรอบโลกกับฉันไหม ?
นะ..ฉันจะเตรียมกาละมังยางไว้ให้เธอ.. 


 

 
 
 
 

ตลอดกาล
รณชัย ถมยาปริวัฒน์
 
 
รักแรก
แทรกความหวานฉ่ำล้ำทั้งมวล
เหมือนชวนให้ใจต้องเสน่หา
เหมือนดั่งสายน้ำชื่นฉ่ำเย็น
ไหลผ่านมาสองอุรา พาให้ฝันใฝ่
รักนั่นไม่มีวันเปลี่ยนผันหัวใจ
ให้ใครมีใจเพียงเพื่อเธอ
แม้โลกหยุดหมุนรักก็ยังมั่นเสมอ
ฟ้ามีดาวฉันมีเธอตลอดกาล
ขอให้รักเราเคียงอยู่คู่ฟ้า
ไม่มีวันร้างราพลัดพรากจากไกล
ให้ฉันให้เธอรักมั่นจริงใจ
ตลอดไปนานเท่านานตลอดกาล



หน้าที่ :: 66   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76  


Copyright © 2012 Neric-Club.Com All Rights Reserved