Neric-Club.Com
  สารบัญเว็บไซต์
  ทรัพยากรคลับ
  พิพิธภัณฑ์หุ่นกระดาษ
  เปิดประตูสู่อาเซียน@
  พันธกิจขยายผล
  ชุมชนคนสร้างสื่อ
  คลีนิคสุขภาพ
  บริหารจิต
  ห้องข่าว
  ตลาดวิชา
   นิตยสารออนไลน์
  วรรณกรรมเพื่อเยาวชน
  ลมหายใจของใบไม้
  เรื่องสั้นปันเหงา
  อังกฤษท่องเที่ยว
  อนุรักษ์ไทย
  ศิลปวัฒนธรรมไทย
  ต้นไม้ใบหญ้า
  สายลม แสงแดด
  เตือนภัย
  ห้องทดลอง
  วิถีไทยออนไลน์
   มุมเบ็ดเตล็ด
  เพลงหวานวันวาน
  คอมพิวเตอร์
  ความงาม
  รักคนรักโลก
  วิถีพอเพียง
  สัตว์เลี้ยง
  ถนนดนตรี
  ตามใจไปค้นฝัน
  วิถีไทยออนไลน์
"ในยุคสมัยแห่งโลกแฟนตาซี ปลาใหญ่ไม่ทันกินปลาเล็ก ปลาเร็วไม่ทันกินปลาช้า ปลาตะกละฮุบเหยื่อโผงโผง โง่ยังเป็นเหยื่อคนฉลาด อ่อนแอเป็นเหยื่อคนเข้มแข็ง คนวิถึใหม่ต้องฉลาด เข้มแข็ง เสียงดัง มีเงินเป็นอาวุธ
ดูผลโหวด
 
 

'องค์ความรู้ในโลกนี้มีมากมาย
เหมือนใบไม้ในป่าใหญ่
มนุษย์เราเรียนรู้ได้
แค่ใบไม้หนึ่งกำมือของตนเอง
ผู้ใดเผยแผ่ความรู้
อันเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น
นั่นคือกุศลอันใหญ่ยิ่ง'
 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า












           




             ซ่อมได้ 


สถิติผู้เยี่ยมชมเวปไซต์
13997754  

สัตว์เลี้ยง

 
อาการป่วยที่น่ารู้ของสุนัข
 
อาการป่วยไข้ของสุนัขที่เจ้าของความทราบและต้องทำการสังเกตเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการรักษาช่วยเหลือสุนัขมีอาการสำคัญดังนี้

อาการช็อก

ช็อกต่อเนื่องของหนังผีที่สยองมากๆ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น จริงๆ แล้วอาการช็อกคืออะไร และคำนิยามของอาการนี้คืออะไร เรามาดูกันครับ

มีกำหนดคำนิยามของอาการนี้ไว้ครับว่า อาการช็อก คือ สภาพที่ร่างกายของสัตว์สูญเสียความสามารถในการรักษาปริมาณเลือดในร่างกายให้ไหลเวียนได้ตามปรกติ ผลดังกล่าวจะทำให้เนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ของร่างกายสัตว์เกิดภาวะที่ขาดออกซิเจน เมื่อร่างกายไม่มีออกซิเจนเพียงพอ ย่อมทำให้เกิดปัญหาในการทำงานของเซลล์ต่างๆ ทั้งระบบตามมาครับ มูลเหตุของการช็อกนั้นมีมากเหลือเกินครับ เราสามารถแบ่งเป็นรูปแบบต่างๆ ดังนี้ครับ

อาการช็อก เนื่องมาจากภาวะปริมาณของเลือดของน้ำในร่างกายต่ำ เช่น เกิดจากการที่สัตว์เสียเลือดมาก เนื่องจากอุบัติเหตุถูกรถชน มีบาดแผล หรือมีการตกเลือดภายในร่างกาย อย่างตับแตก ม้ามแตก หรือกระเพาะปัสสาวะแตก เป็นต้น

อาการช็อก เนื่องมาจากหัวใจหยุดทำงาน ซึ่งในเมืองไทยเรามักจะพบได้บ่อยมากครับ เนื่องจากสุนัขที่ป่วยเป็นโรคหัวใจมีมาก แต่เรายังไม่ได้ระมัดระวังตรงนี้ดีพอ จากการที่สอบถามเก็บประวัติสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มารักษาที่คลินิก พบว่าหลายๆ ท่านยังไม่ตระหนักในเรื่องของการดูแลสัตว์ที่ป่วยเหล่านี้ เช่น ยังให้ออกกำลังอย่างหนัก ยังปล่อยให้สุนัขอ้วน ไม่ทานยาตามที่กำหนด ไม่พาสัตว์เลี้ยงมาตามที่หมอนัดตรวจร่างกาย เพราะเห็นว่าอาการป่วยหายแล้วทำให้สัตว์เลี้ยงจำนวนมาก ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจและตายอย่างกะทันหัน เนื่องจากภาวะที่หัวใจหยุดเต้นอย่างเฉียบพลัน

อาการช็อก ที่เนื่องมากจากการติดเชื้อในกระแสเลือด เช่น สุนัขเรามีบาดแผลฉกรรจ์ มีหนอง มีเลือดไหล หรือสัตว์เลี้ยงเราท้องเสียอย่างรุนแรงเนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรีย เพราะแบคทีเรียจะปลดปล่อยสารพิษออกมา ซึ่งสารพิษดังกล่าวมีผลเสียต่อร่างกายสัตว์โดยตรง

เรามาดูกันครับว่าสัตว์เลี้ยงที่มีอาการช็อกนั้นจะแสดงท่าทางให้สังเกตได้อย่างไรบ้าง?

  1. อาการช็อกในระยะเริ่มแรกที่ท่านสามารถตรวจเองได้ จะพบว่าสุนัขจะมีอาการหอบ หัวใจเต้นแรง เยื่อเมือกแดงจัด นอกจากนี้ถ้าเป็นในรายที่มีปัญหาโรคติดเชื้อ มักจะมีเรื่องของอาการเป็นไข้ตัวร้อนประกอบด้วย
  2. อาการช็อกระยะท้าย สุนัขจะมีอาการหายใจลำบาก หายใจดัง หอบ หัวใจเต้นทั้งแรงและเร็ว เหงือกซีด เมื่อเราคลำชีพจรที่ซอกขาหนีบขาหลังพบว่า ชีพจรตรงนั้นเต้นเบามาก เปิดเหงือกแล้วใช้นิ้วกดที่เหงือกเมื่อปล่อยดูพบว่าสีของเหงือกกลับมาเป็นสีเดิมต้องใช้เวลานานกว่า 2 วินาที คลำที่ปลายเท้าจะพบว่าตัวเย็น สัตว์มักจะนอนนิ่งๆ ไม่ขยับตัวและหมดสติ

เมื่อท่านอ่านตรงนี้ต้องระวังว่า สุนัขจะแสดงอาการอย่างนี้แล้วมีโอกาสที่จะช็อกได้
เมื่อเราพบว่าสุนัขมีอาการดังกล่าวจะต้องทำอย่างไร

เบื้องต้นก่อนถึงมือสัตวแพทย์ต้องพยายามรักษาสภาพร่างกายให้สามารถทำงานได้ตามปกติให้ได้ครับ เช่น เมื่อสัตว์มีบาดแผลเลือดออกเยอะ เราต้องช่วยห้ามเลือดเค้าให้เลือดไม่ไหลออกมามากไปกว่านั้น เพราะถ้าเสียเลือดมากสัตว์จะยิ่งมีอาการแย่ลง ถ้าพบว่าอาเจียนมากให้งดน้ำงดอาหาร และรีบพามาหาสัตวแพทย์ด่วน ความสำเร็จของการช่วยเหลือสัตว์ที่อยู่ในอาการช็อกจะประสบผลสำเร็จมากน้อยเท่าใดนั้น แล้วแต่สถานการณ์ที่เป็นในแต่ละรายหนักเบาต่างกันไปไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าจะดีมากน้อยแค่ไหน

ท่านคงได้ทราบข้อมูลเรื่องของอาการช็อกแล้วว่าอาการดังกล่าวร้ายแรงและน่ากลัวเพียงใด ถ้าท่านมีทักษะในการตรวจดูอาการป่วยเบื้องต้นของสุนัขก็จะเป็นผลดีต่อการช่วยเหลือมาก

อาการอาเจียน

เชื่อไหมครับว่า การรักษาสัตว์ป่วยเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของสัตวแพทย์เสมอ ทั้งนี้เพราะเมื่อสัตว์เลี้ยงของท่านแสดงเพียงบางอาการออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่สัตวแพทย์สามารถสรุปเอาได้ง่ายๆ ว่าสุนัขของท่านป่วยด้วยเหตุใดกันแน่ อย่างเช่น อาการที่จะกล่าวถึงนี้ เมื่อสัตว์แสดงให้เห็นทีไร เจ้าของมักตกใจมากและรีบพาสัตว์เลี้ยงมาหาสัตวแพทย์แทบทุกครั้ง นั่นก็คืออาการอาเจียน นั่นเอง

ทว่า...ก่อนอื่นท่านต้องเข้าใจให้กระจ่างด้วยว่า อาการที่สัตว์พ่นเอาของต่างๆ ออกจากปากนั้น ไม่ใช่อาการอาเจียนเสมอไป เพราะยังมีอาการที่เรียกว่า ขย้อน อาการขากเสมหะ นับว่าสำคัญยิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องจำแนกแยกแยะให้เป็น เพื่อสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องช่วยให้การวินิจฉัยของสัตวแพทย์เป็นไปอย่างแม่นยำ ถ้าเจ้าของแยกแยะอาการไม่ถูกต้อง สุนัขขย้อนก็บอกคุณหมออย่างมั่นใจว่า สุนัขอาเจียน อาจจะทำให้การวินิจฉัยโรคไขว้เขวไปได้

อาเจียน เป็นอาการที่สัตว์แสดงออกโดยการขับเอาสิ่งของในทางเดินอาหารย้อนออกมาทางปาก สัตว์อาเจียนมีท่าทางอย่างไร อ่านตรงนี้แล้วต้องขีดเส้นใต้เพราะสำคัญยิ่ง การสังเกตอาการอาเจียนของสัตว์นั้น เริ่มจากสังเกตเห็นว่า สัตว์เริ่มกระสับกระส่าย โดยมากจะนั่งหรือยืนครับ และมีอาการหอบอ้าปาก ไม่นานเค้าจะเริ่มเลียปาก และเริ่มมีการขยับตัวของกล้ามเนื้อซี่โครงขึ้นลงเป็นจังหวะ ตรงนี้มันจะมีเสียงดัง ครั้งต่อไปให้ลองฟังดูครับ และเมื่อทำสักครู่เจ้าสิ่งที่อยู่ในทางเดินอาหารจะไหลออกมา

ทำไมสัตว์จึงอาเจียน ? ขอตอบง่ายๆ ว่า เพราะมีการกระตุ้นของศูนย์กลางควบคุมการอาเจียนในร่างกายสัตว์ เจ้าศูนย์นี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษครับ คือ Chemorecepter trigger zone สิ่งใดที่กระตุ้นได้บ้าง มีเยอะแยะเลยครับ เริ่มจากความผิดปรกติในระบบทางเดินอาหาร อาทิ โรคติดเชื้อแบคทีเรีย โรคติดเชื้อไวรัสในทางเดินอาหาร
ความผิดปรกติในระบบนี้มีอาการปรากฏร่วมกับอาการอาเจียนที่สัตว์มักแสดงให้เห็นด้วยก็คือ ท้องเสียครับ ทำไมสุนัขท้องเสียถึงอาเจียน? เพราะในทางเดินอาหารส่วนที่ติดเชื้อโดยเฉพาะลำไส้เล็กส่วนต้นมีประสาทตัวรับที่กระตุ้นศูนย์กลางควบคุมการอาเจียนโดยตรง จึงไม่แปลกที่สุนัขเป็นโรคไวรัสลำไส้อักเสบติดต่อถึงมีอาการอาเจียนรุนแรง และมักจะเป็นอาการเริ่มต้นนอกจากการติดเชื้อที่ทางเดินอาหารแล้ว ปัญหาที่ระบบทางเดินอาหารและทำให้อาเจียนยังมีอีก ที่พบบ่อยๆ ในลูกสุนัขคือการที่มีสิ่งของอุดตันในทางเดินอาหาร เช่น ลูกสุนัขที่ซนๆ มักกินโน่นกินนี่เข้าเช่น กินหลอดดูดน้ำและตัวเสียบกระดาษเข้าไปจึงอุดตันลำไส้เล็กส่วนต้น ผลของการอุดตันจะทำให้สุนัขอาเจียนอย่างรุนแรง

โรคที่เกิดในทางเดินอาหารแล้วส่งผลให้อาเจียนได้อีก คือโรคเนื้องอกที่กระเพาะอาหารหรือที่ลำไส้เพราะการงอกของก้อนเนื้อย่อมทำให้เกิดปัญหาการอุดตันของทางเดินอาหารเช่นกัน

การอาเจียนแสดงว่า ร่างกายของสุนัขมีความผิดปรกติในระบบอื่นได้อีกหรือไม่ นอกจากโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร คำตอบคือ เป็นไปได้ ความผิดปรกติของระบบอื่นในร่างกายก็ส่งผลให้อาเจียนได้ เช่น โรคไต ไม่ว่าไตวายเรื้อรังหรือเฉียบพลันทั้งสองกลุ่มสุนัขมักจะแสดงอาการอาเจียนออกมา โรคเบาหวานในระยะที่มีโรคแทรกก็อาเจียนได้เช่นกัน นอกจากนั้นภาวะอื่นๆ ที่ส่งผลแก่จิตใจทำให้อาเจียนได้ เช่นว่าสุนัขได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ส่งผลให้คลื่นเหียนอาเจียนได้ สุนัขบางตัวพอมาหาสัตวแพทย์จะแสดงอาการกระสับกระส่ายกังวลอย่างมาก สุดท้ายก็อาเจียนออกมา นอกจากนี้สุนัขเมารถก็อาเจียนได้ หรือว่าหากรับสารพิษเข้า เช่น กินสารฆ่าแมลง กินสบู่ กินผงซักฟอก ทำให้ร่างกายของสัตว์ขับเอาสิ่งแปลกปลอมออกมาโดยการอาเจียนเช่นกัน

การเล่าแต่เพียงอาการอาเจียนจึงเป็นเรื่องที่แยกยากมากครับ ท่านต้องหมั่นสังเกตว่ามีอาการอื่นปรากฏร่วมหรือไม่ และอาเจียนมีลักษณะอย่างไร มีข้อแนะนำในการสังเกตดังนี้

เวลาที่สัตว์อาเจียนต้องสังเกตสิ่งใดบ้าง

  1. ลักษณะท่าทางที่สุนัขแสดงออกมา
  2. ลักษณะของการอาเจียน เพราะบางครั้งจะทำให้ง่ายต่อการตรวจวินิจฉัยมากขึ้น อย่างสุนัขบางตัวอาเจียนพร้อมๆ กับมีพยาธิไส้เดือนออกมาด้วย หรือการที่เราสังเกตสิ่งที่ออกมาก็พอจะยืนยันได้แน่ๆ ว่าเป็นอาเจียน อย่างสิ่งที่ออกมาเป็นน้ำสีเหลืองๆ เหมือนกับน้ำดีนั้น ก็จะบอกได้ครับว่าเป็นอาการอาเจียนแน่ๆ เพราะท่อเปิดของน้ำดีจะอยู่ที่ลำไส้เล็กนะครับ และอาการอาเจียนถ้ามีปัญหาที่ระบบทางเดินอาหารมักจะเป็นปัญหาที่ทางเดินอาหารตั้งแต่กระเพาะอาหารลงไป
  3. ปริมาณอาเจียนที่ออกมา ให้สังเกตดูว่า ในแต่ละครั้งนั้นมีมากน้อยเพียงใด ถ้ามีปริมาณมากต้องรีบพาไปหาสัตวแพทย์ ไม่ต้องรอ เดี๋ยวไม่ทันการณ์
  4. จำนวนครั้ง ระยะเวลาที่เป็น ช่วงเวลา เช่น หลังกินอาหารไม่นาน หรือตื่นนอนตอนเช้าจะอาเจียน เป็นมานานขนาดไหน เพิ่งเป็นครั้งแรก หรือเป็นมานานหลายเดือนแล้ว
  5. อาการผิดปรกติอื่นๆ ที่ปรากฏร่วม ดูว่าสัตว์มีอาการท้องเสียหรือไม่ สัตว์ปัสสาวะได้หรือไม่เพราะอาการดังกล่าวจะนำไปสู่การวินิจฉัยที่ชัดเจนขึ้น

การแก้ไขอาการอาเจียนในเบื้องต้น ต้องให้สัตว์งดอาหารเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ยิ่งให้กินก็จะยิ่งอาเจียน และเมื่อยิ่งอาเจียนยิ่งมีผลให้ร่างกายขาดน้ำได้ อีกทั้งแร่ธาตุที่จำเป็นในร่างกายไหลออกไปพร้อมกับอาเจียนนั่นล่ะ ไม่ต้องกังวลว่า สุนัขจะหิวถ้าท่านไม่ให้อาหาร เพราะสิ่งที่สำคัญในขณะนั้นคือ ทำให้สุนัขหยุดการอาเจียนก่อนในเบื้องต้น แล้วหากสังเกตพบว่า สุนัขของท่านยังอาเจียนอย่างต่อเนื่อง ต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์ได้เลย

อาการท้องเสีย

ท้องเสีย คืออะไร? อย่างไรที่เราเรียกว่าท้องเสีย? มีเจ้าของหลายท่านครับ เวลาเห็นสุนัขถ่ายเหลวออกมาทีก็กลุ้มแล้ว ทั้งที่อาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นในสัตว์ที่ปรกติได้ครับ

ท้องเสีย คือ อาการที่สัตว์ถ่ายเหลว โดยปริมาณที่ถ่ายนั้นมีน้ำมากกว่าปกติ และมีปริมาณของอุจจาระที่ถ่ายออกมามากเช่นกัน สัตว์เลี้ยงท่านอาจจะถ่ายครั้งเดียวแต่พรวดเดียวออกมากองโตพุ่งเป็นน้ำ หรือถ่ายเหลวหลายครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน เช่น ถ่ายตรงนี้น้ำพุ่งเลย เดี๋ยวอีก 10 นาทีเอาอีกแล้ว อย่างนี้ก็ถือว่าผิดปกติ แต่ถ้าหมาแมวท่านถ่ายเหลวออกมากองไม่โต ไม่มีเลือด ไม่มีเมือกปน ไม่ซึม ถ่ายได้วันละ 2 ครั้งถือว่าปกตินะครับ ถึงแม้ว่าบางครั้งจะมีน้ำปนในอุจจาระบ้าง อย่าตกใจนะครับถ้าไม่มั้นใจก็โทรศัพท์มาปรึกษาได้ครับ

ถ้าสัตว์เลี้ยงท่านท้องเสียจะต้องทำอย่างไรบ้าง? เมื่อสัตว์มีอาการท้องเสียถ่ายเหลวอย่าเพิ่งตกใจครับ เดินตามดูว่าสัตว์เลี้ยงเรามีอาการอย่างไร ขั้นตอนแรกสุด เราต้องจดจำลักษณะของอุจจาระสัตว์ให้ได้ครับ เพราะลักษณะอุจจาระที่สัตว์ถ่ายออกมาสารถบอกได้ถึงตำแหน่งของรอยโรคที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหารได้ และสำคัญมากสำหรับการรักษาเวลาดูเราต้องจำอะไร

  1. ปริมาณของอุจจาระมากน้อยขนาดไหน
  2. สิ่งที่ออกมากับอุจจาระนั้นคืออะไร เช่น ถ่ายเหลวเป็นน้ำพุ่ง มีเลือดสีน้ำตาลคล้ำๆ ปน หรือออกมาพร้อมกับพยาธิตัวกลมหรือพยาธิตัวตืด หรือถ่ายเหลวออกมาเป็นเพียงเมือกมูกผสมเลือด
  3. จำนวนครั้งที่สัตว์ถ่าย ระยะเวลาที่สัตว์เป็นนั้นนานมากน้อยขนาดไหน
  4. สัตว์มีอาการอย่างอื่นด้วยหรือไม่ เช่นอาเจียน กินน้ำเยอะหรือไม่ ปัสสาวะบ่อย มีการอักเสบของช่องปากเหงือกหรือไม่เห็นสัตว์ฉี่มาหลายวันแล้ว
  5. ประวัติการรักษา ถ้าเคยรักษาก็จำเป็นนะครับ เพราะจะได้ไม่ต้องมาเริ่มกันใหม่สิ่งที่บอกมาจำเป็นจะต้องมีให้หมอครับ

ผมเคยรักษาหมาของเคสท่านหนึ่งท่านพบว่าหมาที่บ้านมีอาการถ่ายเหลวและอาเจียน แต่ไม่ทราบว่าตัวไหน เพราะเคสท่านนั้นเลี้ยงหมาหลายตัว ทำให้เกิดปัญหาครับ เพราะเมื่อเราไม่ทราบว่าเป็นตัวไหนที่ถ่ายเหลวท้องเสีย อาเจียน เราก็ต้องจำกัดพื้นที่กักขังแยกห้องครับ เพื่อที่เราจะได้ทราบว่าหมาตัวไหนที่ป่วย นี่คือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ครับในบ้านเรา

อุจจาระที่ออกมาจะบอกได้หรือไม่ว่า หมาแมวเราป่วยเป็นโรคอะไรตรงไหน? คำตอบคือ บอกได้บางโรคครับ เช่น พยาธิในทางเดินอาหาร โรคบิดที่เกิดจากเชื้อโปรตัวซัว เพราะเราสามารถเก็บอุจจาระไปตรวจทางเทคนิคได้ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องได้ตัวอย่างอุจจาระสัตว์ป่วยโรคอื่นๆ เช่น ความผิดปกติของการย่อยและการดูดซึมอาหารของลำไส้สุนัข ผมเองเคยพบมา 3 เคสครับในหมาพันธุ์อะกิตะ, พันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้, พันธุ์เยอรมันเชพเพรดอย่างละ 1 ตัว อาการคือถ่ายเหลวพุ่งเป็นน้ำออกมามาก

จำไว้ได้เลยครับว่า ถ้าหมาแมวเราถ่ายท้องอึออกมาเป็นน้ำเยอะๆ พุ่งพรวดออกมาจากก้น แสดงว่าปัญหาเกิดที่ระบบทางเดินอาหารตรงส่วนของลำไส้เล็กแน่ๆ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณที่ดูดซึมสารอาหาร ถ้าสัตว์ป่วยตรงนั้นอาหารก็จะดูดซึมไม่ได้ ทำให้ปริมาณของอุจจาระมาก มีทั้งน้ำ มีทั้งอาหารออกมาครับ

ถ้าเป็นปัญหาท้องเสียที่ลำไส้ใหญ่มักจะมีอาการถ่ายเหลวจริงๆ แต่ไม่มาก สิ่งที่ออกมากให้เห็นในอุจจาระคือ เมือกมูกหรือเลือดสดสีแดงๆ ครับเพราะบริเวณลำไส้ใหญ่จะมีกลุ่มเซลล์ที่ผลิตสารคัดหลั่งนี้อยู่ เมื่อมีปัญหาย่อมที่จะแสดงออกมาดังที่กล่าวครับ

อาการที่น่าเป็นห่วงในสัตว์เลี้ยงที่ท้องเสียคือการที่มีอาการแทรกอื่นๆ เขามาปรากฎร่วม เช่น มีไข้ การมีไข้ท้องเสียด้วยนี่ไม่ธรรมดาครับ เพราะอาจเกิดจากการที่ติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส

อาการอาเจียนนี่ก็ไม่ดี เพราะอาเจียนนั้นเป็นอาการที่อาจจะเกิดจากระบบอื่นๆ ได้ เช่น โรคไตวายเรื้อรังในหมาแมวระยะท้ายๆ ก็มักจะพบว่าสัตว์ถ่ายเหลวออกมาและมีเลือดเก่าๆ คล้ำออกมาด้วย เพราะในภาวะดังกล่าวร่างกายจะเกิดโลหิตเป็น กรดทำให้เส้นเลือดฝอยเล็กๆ ในทางเดินอาหารแตกเสียหายได้ครับ จึงมีอุจจาระสีดังกล่าว จะเห็นว่าอาการท้องเสียในหมาแมวนั้นไม่ธรรมดานะครับ เพียงแต่เราต้องรู้จักดูครับว่าหมาแมวเราอยู่ในภาวะสูญเสียน้ำจากการถ่ายจนเป็นอันตรายหรือไม่ เช่นอ่อนเพลียไม่มีแรง อาเจียนมาก หมดสติหรือเป็นมาหลายวันจะขาดน้ำ เหงือกแดงแจ๋ หรือเป็นไข้สูง หอบด้วย ถ้ามีอาการดังกล่าวสามารถนำสัตว์มาหาหมอได้เลยครับ

ท้องอืด

คราวที่แล้วเล่าให้ฟังเรื่องท้องผูกไปแล้ว เราคงจะเข้าใจนะครับว่าท้องผูกคืออะไร? มีวิธีการที่ท่านเจ้าของจะสังเกตสัตว์เลี้ยงของตนเองอย่างไรบ้าง? และครั้งนี้เราจะคุยกันต่อในเรื่องของอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหารนี่ละครับ คือ เรื่องอาการ ท้องอืด คือ การที่มีก๊าซสะสมผมอาจจะขอใช้คำนี้เพื่อที่เราจะได้เข้าใจง่ายๆ นะครับ อาการที่ว่าเกิดจากการที่มีก๊าซสะสมในทางเดินอาหาร เช่น ในกระเพาะอาหาร ในลำไส้ ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยเป็นครับ ท้องอืดท้องเฟ้อ บางคนต้องกินยา บางคนเรอ บางคนต้องเข้าห้องน้ำขับถ่ายออกไปจึงจะดีขึ้น ในหมาแมวก็มีอาการอย่างนี้นะครับ มีทั้งในระดับที่ไม่เป็นอันตรายจนถึงระดับที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตเอาง่ายๆ เลยก็มี

การมีก๊าซสะสมในท้องเกิดจากอะไร? กรณีที่เกิดก๊าซสะสมที่เรามักจะพบ เนื่องมาจากสองสาเหตุครับ คือสาเหตุแรกสัตว์สูดดมเอาลมจากปากเข้าไปในทางเดินอาหาร มีบ่อยเหมือนกันครับ หมาแมวบางตัวติดนิสัยชอบทำตั้งแต่เล็กๆ โตขึ้นก็ทำต่อ สัตว์เหล่านี้มักจะอ้าปากชูคอดูดลมเข้าไป หรือในกรณีที่สัตว์ป่วยเป็นดรคทางเดินหายใจอย่างรุนแรง เราจะพบชัดเจนครับว่าสัตว์อ้าปากหายใจเอาอากาศจากภายนอกเข้าสู่ร่างกายจนเป็นปัญหาลมไปสะสมในทางเดินอาหารได้ สาเหตุต่อมาที่เรามักจะพบคือการที่เกิดปฏิกิริยาของการหมัก เนื่องจากแบคทีเรียในทางเดินอาหารย่อยอาหารที่เราให้สัตว์กินเข้าไปนี้ล่ะครับ โดยปกติก๊าซที่ได้จากปฏิกิริยาดังกล่าวมักจะไม่มีกลิ่นเหม็นนะครับ แต่ถ้าได้ก๊าซที่มีกลิ่นเหม็นอย่างก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ สารประกอบเอมีนแอมโมเนียสารเหล่านี้ล่ะครับที่จะทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา ที่เราอาจจะพบได้ว่าหมาแมวเราผายลมออกมาแบบเหม็นสุดฤทธิ์ บางตัวผายลมแบบเงียบๆ ทำให้บรรยากาศภายในห้องอาจจะตังเครียดได้เหมือนกันครับ เมื่อบังเอิญท่านต้งอนั่งรับแขกที่มาเยี่ยมที่บ้าน แต่เจ้าหมาแมวที่รักของเรากลับทำพิษ อาการของสัตว์ที่มีปัญหาท้องอืด ก๊าซสะสมในทางเดินอาหาร อาการที่ชัดเจนที่เราสามารถสังเกตได้คือ การขยายตัวของช่องท้องโดยเฉพาะบริเวณกระเพาะอาหารซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากการป่องออกของช่องท้อง ณ พื้นที่บริเวณหลังกระดูกซี่โครง ซึ่งท่านเจ้าของสามารถใช้มือคลำตรวจดูได้เลยครับ

เมื่อท่านคลำดูเริ่มจากคลำลูบที่ท้องบริเวณผิวก่อนครับ ท่านจะทราบว่ามันช่างโป่งเลยเกิน หลังจากนั้นท่านสามารถใช้นิ้วมือบีบที่ท้องได้ครับ ท่านจะพบว่าเป็นอากาศที่นุ่มนิ่มไปหมด นอกจากนี้เราสามารถทำการเคาะที่ช่องท้องที่โป่งบวมนั้นได้อีกครับ ถ้ามีเวลาที่ท่านเอานิ้วมือดีดเคาะเสียงดีดนิ้วจะดังกังวานมาก เพราะภายในมีแต่อากาศเท่านั้นจึงให้เสียงสะท้อนดีมาก

นอกจากอาการท้องโป่งมีแต่ลมแล้ว หมาแมวอาจจะมีการผายลมผล่อยปุ๊งๆ ออกมาครับ เหม็นเหมือนกันครับ เพราะเป็นก๊าซที่มีกลิ่นเหม็น ถ้าเป็นบ่อยเราต้องสนใจเรื่องนี้เหมือนกัน อาหารอะไรที่ทำให้เกิดก๊าซมากเวลาที่สัตว์กินเข้าไป? โดยมากจะเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของเยื่อใยพืชผักหรือผลไม้มากเกินไป หรือเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของพวกถั่วมาก พวกกากถั่วเหลือง เมื่อหมาแมวกินอาหารเหล่านี้เข้าไปมากจะทำให้เกิดก๊าซในทางเดินอาหารขึ้น มีหมาแมวหลายตัวครับที่กินนมแล้วมีปัญหานี้เช่นกัน เพราะร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลในนมวัวได้ จึงมีการหมักหมมของอาหารเหล่านี้เกิดขึ้น แล้วก็ทำให้เกิดก๊าซขึ้น

เรื่องของความผิดปกติของหมาแมวเฉพาะตัวก็เป็นสาเหตุให้เกิดอาการก๊าซสะสมในทางเดินอาหารได้อีกเช่นกันนะครับ เช่นหมาที่มีปัญหาความบกพร่องของการย่อยอาหาร การดูดซึมอาหารจากลำไส้เล็ก โรคเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดอาการสะสมของก๊าซในทางเดินอาหารได้อีกเช่นกัน หรือเป็นโรคที่ทำให้เกิดการอุดตันสะสมของก๊าซในทางเดินอาหาร เช่น การที่สัตว์ชอบกินของแปลกปลอมพวกพลาสติก ยาง เมื่อกินเข้าไปมากจะสะสมอุดตัน ก๊าซย่อมจะเกิดเพราะไม่สามารถขับถ่ายปล่อยออกมาได้ โรคเนื้องอกในทางเดินอาหารเช่นกันถ้าอุดตัน เมื่อไหร่การสะสมของก๊าซย่อมเกิดขึ้นแน่นอน

วันนี้ที่เขียนเป็นอาการท้องอืดธรรมดานะครับ มิใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเราสามารถจัดการกับสัตว์เลี้ยงเราได้ง่ายมากครับ โดยการปรับเปลี่ยนอาหารให้เค้าซะครับ ทางที่ดีคือให้กินอาหารสำเร็จรูปดีที่สุดครับสะดวกดี

ถ้าเปลี่ยนแล้วไม่หายคงต้องพาไปพบหมอแล้วครับ เพราะต้องตรวจให้แน่ใจว่าหมาแมวเราป่วยหรือไม่ ทำไมถึงมีก๊าซสะสมมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้กินอาหารที่เป็นพืชผักเยอะแล้ว หมาแมวก็ผายลมเป็นเพราะเค้าก็มีระบบทางเดินอาหารที่เหมือนกับเรา มีกระเพาะมีลำไส้เช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจนะครับ

อาการจาม

วันนี้ขอเปิดประเด็นในเรื่องอาการที่เราสังเกตได้ง่ายที่สุด คือ อาการจาม ไอ และมีน้ำมูกไหลเป็นอาการเบื้องต้นของโรคในระบบทางเดินหายใจ อาการดังกล่าวเป็นอาการที่มีคนพาหมาแมวมาหาหมอมากที่สุดครับ เราค่อยทำความรู้จักกันไปนะครับ

อาการจาม เป็นกลไกอย่างหนึ่งของร่างกายครับ เราจะพบว่าอาการจามคือการที่ร่างกายระเบิดลมออกมาจากภายในช่องอกออกไปสู่ภายนอก โดยการระบายไปทางช่องจมูกและช่องปาก เพราะทั้งสองช่องมีทางที่สามารถพบกันได้ บางทีถ้าแรงมากๆ จามแบบลมออกทางช่องหูยังมีเลยครับ ทำไมต้องจาม? อึ้ม! คำถามดีครับ เพราะบางท่านไม่ค่อยสนใจในที่มาที่ไปเท่าไหร่ หมาจามก็จะต้องการเพียงอย่างเดียวคือ หยุดจาม การจามนั้นมีสาเหตุมาจากมีสิ่งระคายเคืองในโพรงจมูก เช่น มีฝุ่นผงติดอยู่ในนั้น ภายในโพรงจมูกจะมีกลไกที่ป้องกันเชื้อโรคอยู่แล้วครับ เช่น ขนในโพรงจมูก เซลล์เยื่อบุโพรงจมูกที่มีขนเล็กๆ เอาไว้โบกปัดและต่อมสร้างสารคัดหลั่งที่จะทำงานเมื่อที่การติดของสิ่งแปลกปลอมเพื่อที่น้ำสารคัดหลั่งจะได้ไปติดจับสิ่งแปลกปลอมดังกล่าว

เราจะพบว่าถ้ามีอาการระคายเคืองในโพรงจมูกมักจะมีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมาและยิ่งหมาระคายเคืองมากจะยิ่งจามมากและมีน้ำมูกมาก

อาการจามอย่างไรถึงจะต้องรีบพามาสัตว์เลี้ยงมาหาหมอ? อย่างที่บอกครับการจามเป็นกลไกอย่างหนึ่งที่ร่างกายสัตว์มีไว้เพื่อขับเอาสิ่งระคายเคืองออกไป เมื่อออกหมดจะหยุดและสารคัดหลั่งจะหยุดหลั่งเช่นกัน แต่ถ้าผิดปรกติอย่างเช่นหมาแมวเราจามมากไม่หยุดเสียที อันนี้ผิดปรกติครับ เราต้องพามาหาหมอแน่นอน โรคที่เรามักจะพบได้ในหมาแมวที่มีอาการจามคือ โรคทางเดินหายใจส่วนต้น ในแมวนั้นมีปัญหามากคือ โรคติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปี ไวรัสคาลิซี่ และคลาไมเดียในทางเดินหายใจ แมวจะมีน้ำมูกน้ำตาไหลมาครับ ถ้าเจ้าเชื้อพวกนี้เข้ามารวมมิตรผสมพร้อมๆ กันทุกเชื้อ ท่านจะพบเลยครับว่าแมวจะทรมานมากครับ มีอาการหน้าตาสกปรกเต็มไปด้วยน้ำมูกน้ำตา มีแผลในปาก มีเยื่อตาด้านในบวมแดงอักเสบ เนื้อตัวเหี่ยวแห้ง ทานอาหารไม่ได้ ในหมาที่มักจะพบว่ามีอาการจาม โดยมากเกิดจากปัญหาที่หมาไปสูดดมฝุ่นละอองเล็กๆ เข้าไปติดในโพรงจมูก เมื่อติดเข้าไปมันก็ระคายเคืองหรือที่มักจะเป็นได้มากอีกเช่นกัน คือ โรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเนื้องอกในโพรงจมูก มะเร็งในโพรงจมูก มันมีอะไรที่ซับซ้อนกว่านี้ไปอีกครับ เราต้องมาดูกันต่อ

นอกจากอาการจามแล้วสัตว์เลี้ยงจะต้องมีอาการอะไรอีก อาการน้ำมูกไหลเป็นอาการอีกอย่างที่เราพบด้วย น้ำที่ไหลออกมาจากจมูกจะมีหลายลักษณะครับ เช่น เป็นน้ำใสๆ ไม่หนืด เป็นน้ำหนืดสีขาว เป็นน้ำมูกเหนียวสีเขียว เป็นหนอง เป็นเลือด แต่ละลักษณะจะมีข้อที่ต้องทราบต่างกัน

โดยปรกติแล้วในสัตว์อย่างหมาแมวก็มีเซลล์สร้างสารคัดหลั่งเหมือนกันครับ สารคัดหลั่งมีประโยชน์อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ในระยะแรกของการป่วยนั้นไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส มีผงฝุ่นหรือมีก้อนเนื้องอกในโพรงจมูก สัตว์จะเริ่มต้นจากการที่มีอาการจามก่อน ในขณะเดียวกัน เราจะพบว่ามีน้ำมูกใสๆ ไหลก่อนในระยะแรก หลังจากนั้นไม่นานเมื่อมีอาการรุนแรงขึ้นน้ำมูกที่ไหลออกมาจะเริ่มหนืดขึ้น เนื่องจากร่างกายของหมาแมวจะเริ่มมีอาการขาดน้ำ เพราะอย่าลืมนะครับว่า น้ำเป็นส่วนสำคัญของสารคัดหลั่ง เมื่อน้ำในร่างกายน้อยลงเนื่องจากหมามีไข้ร่วม ไม่ได้กินน้ำเท่าเดิม ไม่ทานอาหารทำให้ร่างกายขาดน้ำ น้ำมูกจะหนืดขึ้น เมื่อหมาแมวเป็นโรคทางเดินหายใจนานขึ้น จะเป็นเร็วมากน้อยขนาดไหนก็ขึ้นกับว่าสัตว์ขาดน้ำมากแค่ไหน

การที่สัตว์เราเริ่มมีน้ำมูกจากใสเป็นสีขุ่น จากขุ่นเริ่มเป็นสีเขียวและหนืดเหนียวมากขึ้น เป็นอาการที่ไม่ดีนะครับแสดงว่าระดับการป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจรุนแรงมา และมักจะมีอาการแทรกมาอีก เช่น อาการไอ ขากเสมหะ น้ำมูกที่ไหลนอกจากจะมีลักษณะเป็นน้ำในลักษณะดังกล่าวมาแล้วยังมีโอกาสเป็นเลือด เป็นน้ำหนองได้ เช่น เมื่อสัตว์ถูกกระแทกที่ใบหน้าอย่างแรงทำให้เกิดแผลในโพรงจมูก เลือดไหลแน่ครับ ถ้าเป็นเนื้องอกมักจะไหลมาพร้อมกับน้ำมูกใสๆ เป็นมากๆ จะไหลมาเป็นเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะธรรมชาติของเนื้องอกจะมีเส้นเลือดมาเลี้ยงเยอะ

หมาที่มีปัญหาเป็นเนื้องอกมีก้อนฝีในโพรงจมูก นอกจากจะมีน้ำมูกในลักษณะดังกล่าวไหลออกมาแล้ว บางทีจะมีหนองไหลออกมาได้ เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย และหมาแมวที่มีปัญหาโพรงจมูกอุดตันมักจะมีเสียงหายใจที่ดังผิดปรกติ เช่น ดังแหลมเป็นเสียงหวีดๆ เป็นต้น เนื่องจากก้อนเนื้อที่บวมขึ้นจะทำให้เกิดเสียง เมื่อมีอากาศพัดผ่านในสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคเนื้องอกทางเดินหายใจ อาการน้ำมูกไหลอาจจะไหลมาทั้งสองข้างรูจมูก หรือไหลจากรูจมูกเดียวก็ได้นะครับ ในโรคทางเดินหายใจมักจะไหลทั้งสองข้างในโรคเนื้องอก มะเร็งในโพรงจมูก ฝี แผลแตกจากการกระแทกอาจจะออกมาข้างเดียวได้ครับ เพราะในโพรงจมูกจะมีผนังกั้นด้านซ้ายขวาอย่างสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจครับ

หมาที่มีปัญหาเป็นเนื้องอกมีก้อนฝีในโพรงจมูก นอกจากจะมีน้ำมูกในลักษณะดังกล่าวไหลออกมาแล้ว บางทีจะมีหนองไหลออกมาได้ เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย และหมาแมวที่มีปัญหาโพรงจมูกอุดตันมักจะมีเสียงหายใจที่ดังผิดปรกติ เช่น ดังแหลมเป็นเสียงหวีดๆ เป็นต้น เนื่องจากก้อนเนื้อที่บวมขึ้นจะทำให้เกิดเสียง เมื่อมีอากาศพัดผ่านในสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคเนื้องอกทางเดินหายใจ อาการน้ำมูกไหลอาจจะไหลมาทั้งสองข้างรูจมูก หรือไหลจากรูจมูกเดียวก็ได้นะครับ ในโรคทางเดินหายใจมักจะไหลทั้งสองข้างในโรคเนื้องอก มะเร็งในโพรงจมูก ฝี แผลแตกจากการกระแทกอาจจะออกมาข้างเดียวได้ครับ เพราะในโพรงจมูกจะมีผนังกั้นด้านซ้ายขวาอย่างสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจครับ



หน้าที่ :: 3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14  


Copyright © 2012 Neric-Club.Com All Rights Reserved